เมื่อเดอะค็อปต้องท่องคำว่า “อดทน”
11 ม.ค. 58 14.02 น. | |Hot Score
เมื่อเดอะค็อปต้องท่องคำว่า "อดทน"
หลังจบเกมเมื่อวานนี้ที่สนามสเตเดี้ยม ออฟ ไลท์ ระหว่าง “แมวดำ” ซันเดอร์แลนด์ กับ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ซึ่งชัยชนะเป็นของทีมเยือน 1-0 จากประตูชัยในช่วงต้นเกมของ “ลาซาร์ มาร์โควิช” สาวกเดอะค็อปหลายคนคงมีคำถามในใจว่าตลอด 90 นาที ของการแข่งขัน
หนึ่งในคำถามคงหนีไม่พ้นว่า ไม่นับเรื่องผลการแข่งขัน เอาแค่รูปเกมและฟอร์มการเล่นของนักเตะในเกม นี่คือสิ่งที่ตอบโจทย์ของแฟนบอลว่า รูปแบบสไตล์การเล่นแบบนี้จะทำให้ทีมประสบความสำเร็จในระยะยาวหรือเปล่า
ส่วนตัวคงตอบว่า “ไม่” เพราะถ้าดูจากสถิติก่อน โอกาสที่นักเตะทุกคนง้างเท้ายิงไปที่ประตู 21 ครั้ง เป็นประตูแค่ลูกเดียว แถมครึ่งหลัง 40 นาที ได้เปรียบเรื่องตัวผู้เล่นในสนามอีกหลังจาก “เลียม บริดคัตต์” ของทีมแมวดำโดนไล่ออก แต่กลับทำประตูเพิ่มไม่ได้
อีกทั้งจังหวะที่เกือบถูกตีเสมอจากการยิงไกลชนคานของ “อดัม จอห์นสัน” ถ้าทีมที่เจอไม่ใช่ซันเดอร์แลนด์แต่เป็นพวกทีมระดับหัวกะทิ หรือพวกที่มีทีเด็ดในตำแหน่งกองหน้าอย่างแมนฯยูฯ อาร์เซนอล เชลซีหรือแมนฯซิตี้ นัดนี้คงไม่ได้สามคะแนนกลับไปอย่างแน่นอน
จุดเด่นของทีมชุดนี้ที่ต้องให้เครดิต “เบรนแดน ร็อดเจอร์ส” คือแผงมิดฟิลด์ที่อาจจะไม่มีนักเตะระดับเวิลด์คลาสเอบวก แต่ทุกคนไม่ว่าจะเป็นฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ,ลาซาร์ มาร์โควิช ,ลูคัส เลว่า หรือ จอร์แดน แฮนเดอร์สัน ก็เป็นประเภทเอาตัวรอดได้ และมีพื้นฐานความรู้ว่าต้องเล่นยังไง จากการวางระบบของบีร็อด
ส่วนแนวรับสามเซ็นเตอร์ฮาล์ฟที่ประกอบไปด้วย เอ็มเร่ ชาน มาร์ติน สเคอร์เทล และ มามาดู ซาโก้ ยังมีจังหวะผิดพลาดให้เห็นบ้าง แต่น้อยกว่าช่วงต้นฤดูกาล บวกกับการที่แนวรุกซันเดอร์แลนด์ไม่ได้เก่งขนาดทีมใหญ่จึงเอาตัวรอดไปได้อีก
แต่ที่น่าปวดหัวคือตำแหน่งกองหน้าตัวเป้าทั้ง “ฟาบิโอ บารินี่” ที่ลงสนามตั้งแต่ครึ่งแรก กับ “มาริโอ บาโลเตลลี่” ที่ถูกเปลี่ยนลงมาในช่วงกลางครึ่งหลัง ยังไม่ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันได้
อย่างเจ้าเกรียนโอ้ มีหลายจังหวะที่แสดงถึงความสามารถเฉพาะตัวอันยอดเยี่ยม และพรสวรรค์ซึ่งได้แค่วูววาบเท่านั้น (ไม่นับจังหวะเหยียบบอลล้ม ฮา!!!)
อย่างที่ทราบกันดีว่า ตั้งแต่ “หลุยส์ ซัวเรซ” ย้ายออกจากทีมไป ถิ่นแอนฟิลด์ก็ไม่เหมือนเดิม เพราะไม่มีกองหน้าประเภทเสกประตูได้หรือลงมายิงปลดล็อกให้กับทีม จนสถิติการยิงประตูของทีมตกลงอย่างน่าใจหาย ฤดูกาลนี้ทีมยิงไปแค่ 29 ลูก แถมเสียไปถึง 27 ลูก
ต่างจากฤดูกาลที่แล้วที่ซัวเรซยิงไป 31 ลูก รวมกับ “พี่หริด” แดเนียล สเตอร์ริดจ์ อีก 21 ลูก ซึ่งตอนนี้ทีมลงสนามไป 20 นัด ถ้าเอาประตูของซัวเรซกับสเตอร์ริดจ์รวมกันหารสองจะได้ 26 ประตู นั่นหมายถึงว่าถ้าหม่อมเหยินกับพี่หริดถ้าไม่เจ็บ ทีมมีโอกาสที่จะได้ประตูมากกว่านี้เกิน 10 ลูก
ต้องยอมรับความจริงว่ากองหน้าที่มีอยู่ชั่วโมงนี้ ทำให้ศักยภาพของทีมที่ควรจะดีกว่านี้ตกลง แม้ว่ากองกลางของทีมจะยิงเยอะก็ตาม
ส่วน “สตีเว่น เจอร์ราร์ด” ต้องยอมรับว่านัดนี้ไม่ใช่วันของเค้าและเหลือเวลาในแอนฟิลด์ไม่มาก จึงเลิกพูดถึงอนาคตไปเลย อยู่ที่บีร็อดนั่นแหละจะพาทีมกลับมาอยู่ในมาตรฐานเดิมที่มีลุ้นแชมป์เหมือนฤดูกาลที่แล้วได้ไหม
สุดท้ายเชื่อว่า “บีร็อด” ทำได้ แต่ต้องใช้เวลา ไม่ว่าจะเป็นหากองหน้าระดับพระกาฬคนใหม่ที่เป็นประเภทโป้งเดียวปิดบัญชีและปรับปรุงแนวรับให้แน่นกว่าเดิม ซึ่งอยู่ที่สาวกเดอะค็อปจะเจอกับสิ่งที่ยากที่สุดในการลุ้นความสำเร็จอีกครั้ง
คือ ท่องคาถาคำว่า “อดทน” เพื่อรอเวลาอันหอมหวานกลับมาอีกครั้งครับ
เนื้อหาโดย Hot Score
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น